
รีวิวหนัง Let Go ปล่อย (Släpp taget)
รีวิวหนัง Let Go ปล่อย (Släpp taget)
ในปีที่เต็มไปด้วยหนังดังจากฮอลลีวูดและหนังเอเชียมากมาย อาจไม่มีใครคาดคิดว่าเราจะได้พบเจอหนังจากสวีเดนที่ค่อย ๆ ไต่ขึ้นมาในกระแสและกลายเป็นอีกหนึ่งผลงานที่น่าจับตามองอย่าง Let Go ปล่อย (Släpp taget) ผลงานดรามาเข้มข้นที่เล่าเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวที่กำลังแตกร้าว แต่กลับสามารถส่งต่อสารอันทรงพลังให้ผู้ชมได้รู้สึกทั้งสะเทือนใจและอบอุ่นหัวใจในเวลาเดียวกัน
เรื่องย่อที่ใกล้ตัวกว่าที่คิด
เล่าเรื่องของครอบครัวเล็ก ๆ ที่กำลังเดินทางไปดูการ แข่งขันโพลแดนซ์ ของลูกสาววัยรุ่น แต่แทนที่จะเป็นทริปแห่งความสุข มันกลับเป็นเส้นทางที่เปิดเปลือยความเปราะบางในครอบครัว พ่อแม่อย่างสเตลลาและกุสตาฟต่างมีรอยร้าวในใจที่รอวันปะทุ สเตลลาต้องรับผิดชอบทุกอย่างจนรู้สึกว่าเธอควบคุมได้หมด ขณะที่กุสตาฟกลับหมดแรงและเลือกเดินทางลับ ๆ ของตัวเอง ความขัดแย้งจึงค่อย ๆ ปะทุขึ้นเหมือนระเบิดเวลาที่รอวันแตกสลาย สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้โดดเด่นไม่ใช่เพียงพล็อตดรามาครอบครัวทั่วไป แต่คือการเล่าเรื่องที่จริงใจและซื่อสัตย์ต่ออารมณ์มนุษย์ ทำให้ผู้ชมหลายคนสะท้อนเห็นตัวเองในครอบครัวนี้ ไม่ว่าจะในฐานะพ่อ แม่ หรือลูก
ผู้หญิงมากความสามารถที่อยู่เบื้องหลัง
หนึ่งในเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้คือการได้ โจเซฟิน บอร์เนบุชช์ มารับหน้าที่แทบจะทุกอย่าง ทั้งเขียนบท กำกับ และแสดงนำเอง เธอคือคนที่เพิ่งแจ้งเกิดไปกับซีรีส์ Baby Reindeer และผลงานชิ้นนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เธอพิสูจน์ว่าไม่ได้มีดีแค่การแสดง แต่ยังเข้าใจโครงสร้างของการเล่าเรื่องอย่างลึกซึ้ง ผลลัพธ์คือหนังที่เต็มไปด้วยอินเนอร์ ความจริงใจ และการตีแผ่ความสัมพันธ์ที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกอินตั้งแต่ต้นจนจบ
พลังของบทหนังที่ตรงไปตรงมา
แม้โครงสร้างของ Let Go จะเรียบง่าย ไม่มีจุดหักมุมหวือหวา แต่ความแน่นแฟ้นของบทและประเด็นกลับทำให้มันแข็งแรงกว่าที่คิด หนังสะท้อนภาพความสัมพันธ์ที่กำลังเปราะบางด้วยวิธีที่ตรงไปตรงมาและไม่พยายามแต่งเติมจนเกินจริง สิ่งที่เราจะได้เห็นคือความจริงของชีวิตคู่และครอบครัว ที่บางครั้งปัญหาไม่ได้เกิดจากเรื่องใหญ่โต แต่เป็นรายละเอียดเล็ก ๆ ที่สะสมจนกลายเป็นช่องว่างมหาศาล ความงดงามของหนังอยู่ตรงที่แม้จะเต็มไปด้วยความขมขื่น แต่ก็ยังแฝงด้วยความหวังและทางออกให้คนดูได้ฉุกคิดว่า ปัญหาทุกอย่างสามารถคลี่คลายได้ หากเราเลือกที่จะหันหน้าเข้าหากันและยอมรับฟังซึ่งกันและกัน
งานสร้างและโปรดักชัน
ด้านงานสร้าง Let Go ยังคงรักษามาตรฐานของหนังสวีเดนได้อย่างน่าพอใจ ตั้งแต่การถ่ายภาพที่สวยงามและสมจริงโดย แรคนา ยอร์มิง ไปจนถึงดนตรีประกอบจาก อูโน เฮลเมอร์สัน ที่ค่อย ๆ เติมเต็มบรรยากาศให้หนังมีมิติ บางซีนยังชวนให้นึกถึงบรรยากาศของหนังอบอุ่นหัวใจอย่าง CODA เลยทีเดียว
การแสดงที่ไม่ธรรมดา
อีกสิ่งที่ต้องยกนิ้วให้คือการแสดง โดยเฉพาะการรับบทนำของ โจเซฟิน บอร์เนบุชช์ ที่ทุ่มเทเต็มกำลัง เธอถ่ายทอดอารมณ์ของผู้หญิงที่ต้องแบกทุกสิ่งไว้บนบ่าจนเกินทนออกมาได้อย่างเจ็บปวดและจริงใจ เมื่อมาปะทะฝีมือกับ เพล สแวร์ ฮาเกน ยิ่งทำให้ทุกซีนดรามามีพลังมากขึ้น ความสัมพันธ์ของตัวละครถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติและชวนเชื่อ
ความเป็นสากลและพลังในการต่อยอด
สิ่งที่ทำให้ Let Go แตกต่างคือการที่เนื้อหาของมันสามารถเข้ากับทุกสังคมทั่วโลก ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็อาจจะเคยเจอปัญหาในครอบครัวแบบเดียวกัน หนังเรื่องนี้จึงมีศักยภาพที่จะถูกหยิบไปรีเมคในประเทศต่าง ๆ ได้อย่างไม่ยาก เพราะสารหลักของมันคือการ “ยอมปล่อยวางเพื่อก้าวต่อไป” ซึ่งเป็นภาษาสากลที่ทุกคนเข้าใจได้
สรุป
ไม่ใช่หนังที่โปรโมตดังหรือหวือหวา แต่กลับเป็นอีกหนึ่ง “ม้ามืด” ที่ควรค่าแก่การค้นหาและรับชม ข้อความของหนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยพลังและความจริงใจ ถ่ายทอดความรัก ความสูญเสีย และการให้อภัยได้อย่างงดงาม จนทำให้ผู้ชมรู้สึกทั้งเจ็บปวดและเยียวยาไปพร้อมกัน นี่จึงเป็นหนังที่ไม่ควรถูกมองข้าม เพราะนอกจากจะได้เสพงานคุณภาพแล้ว ยังอาจได้แรงบันดาลใจเล็ก ๆ ที่จะทำให้คุณอยากหันกลับไปกอดคนในครอบครัวให้แน่นขึ้นกว่าเดิม