
รีวิวเกม Hollow Knight: Silksong
รีวิวเกม Hollow Knight: Silksong
รีวิวเกม Hollow Knight: Silksong เป็นชื่อที่สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนเกมแนวแอ็กชันผจญภัยทั่วโลกทันทีที่มีการประกาศพัฒนา โดยเฉพาะหลังจากความสำเร็จของภาคแรกอย่าง Hollow Knight ที่ได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์และผู้เล่นในวงกว้าง ตัวเกมภาคใหม่นี้ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ด้านงานศิลป์แบบ hand-drawn ที่งดงามอย่างน่าทึ่ง บรรยากาศที่สื่อถึงความโดดเดี่ยว และการเล่าเรื่องที่กระจัดกระจายแต่ลุ่มลึกเช่นเดิม ทว่า Silksong ไม่ใช่เพียงแค่การต่อยอดจากสิ่งที่ดีอยู่แล้ว หากแต่เป็นการยกระดับความลุ่มลึกของเนื้อหา การต่อสู้ และการสำรวจไปอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งสิ่งนี้สะท้อนให้เห็นตั้งแต่ชื่อของเกมที่เลือกใช้คำว่า “Silksong” หรือ “บทเพลงแห่งเส้นไหม” ที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวล ทว่าซ่อนความรุนแรงและความปวดร้าวไว้ในคราเดียว ชื่อเกม Silksong ยังสื่อความหมายในเชิงสัญลักษณ์อย่างลึกซึ้ง เพราะ “ไหม” ไม่เพียงเป็นวัสดุหรือพลังในเกม แต่ยังเป็นตัวแทนของพันธะ ความเปราะบาง และการควบคุม ในขณะที่ “บทเพลง” เปรียบเสมือนเสียงสะท้อนของจิตใจตัวละคร ความหวัง และการปลดปล่อย การที่ทีมพัฒนา Team Cherry เลือกคำสองคำนี้มารวมกัน จึงสะท้อนถึงธีมหลักของเกมได้เป็นอย่างดี กล่าวคือการดิ้นรนของจิตใจท่ามกลางพันธนาการที่มองไม่เห็น นอกจากนี้ ตัวเกมยังมีแนวโน้มจะเน้นการเล่าเรื่องในเชิงเปรียบเปรยผ่านสัญลักษณ์มากกว่าคำพูดเชิงบรรยายตรงๆ ดังนั้นแม้ผู้เล่นจะไม่เคยสัมผัสภาคแรกมาก่อน ก็สามารถซึมซับบรรยากาศของโลก Silksong ได้อย่างลึกซึ้งผ่านชื่อและองค์ประกอบในเกมที่เชื่อมโยงกันอย่างมีชั้นเชิง ถือเป็นตัวอย่างของการตั้งชื่อเกมที่สามารถนำเสนออารมณ์และจุดยืนได้อย่างชัดเจนและทรงพลังในตัวของมันเอง
ในภาคนี้ตัวละครหลักคือ Hornet นักรบหญิงที่หลายคนคุ้นหน้าและเคยประมือด้วยในภาคแรก ซึ่งคราวนี้เธอไม่ได้เป็นเพียงตัวประกอบอีกต่อไป แต่กลายเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องราวที่เปี่ยมด้วยปริศนา ความกล้าหาญ และความสูญเสีย Hornet เป็นตัวละครที่มีบุคลิกเฉียบคม เด็ดเดี่ยว และแฝงไว้ด้วยความลึกลับ เธอถูกดึงเข้าสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยอันตรายและความไม่แน่นอน และในการเดินทางครั้งนี้ เธอต้องค้นหาความจริงที่ถูกฝังอยู่ภายใต้ซากปรักหักพังของอารยธรรมที่เสื่อมสลาย ขณะเดียวกันยังต้องเผชิญหน้ากับอดีตของตนเอง และพลังที่เธอไม่อาจควบคุมได้ Hornet แตกต่างจาก Knight ตัวเอกในภาคแรกทั้งในเชิงบุคลิกและรูปแบบการเล่น โดยเธอมีความคล่องตัวสูงกว่า เคลื่อนไหวได้ว่องไวราวกับแมลงนักล่า และใช้เข็มกับด้ายเป็นอาวุธแทนการฟาดฟันแบบดั้งเดิม จุดเด่นของเธอคือความสามารถในการควบคุมไหม ซึ่งไม่เพียงเป็นอาวุธ แต่ยังใช้ในการฟื้นฟู บินขึ้นที่สูง หรือสร้างเส้นทางใหม่ได้ Hornet จึงเป็นตัวแทนของพลังที่สามารถสร้างและทำลายในเวลาเดียวกัน และตลอดเส้นทางของเกม ผู้เล่นจะได้เห็นพัฒนาการของเธออย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการรับรู้ภารกิจของตน การตัดสินใจที่ยากลำบาก หรือการยอมรับบางสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ นอกจาก Hornet แล้ว ยังมีตัวละครรายล้อมอีกมากมายที่น่าจดจำ ทั้งเพื่อนร่วมทาง ศัตรู และสิ่งมีชีวิตในโลกที่เธอเดินทางผ่าน ตัวละครเหล่านี้ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน ทั้งรูปลักษณ์ เสียงพากย์ (ในรูปแบบเสียงจำลองเฉพาะของ Hollow Knight) และบทสนทนาสั้นๆ ที่กลับสร้างแรงสะเทือนทางอารมณ์ได้อย่างมหาศาล อีกทั้งการปะทะกับบอสในแต่ละพื้นที่ยังเผยให้เห็นเรื่องราวเบื้องหลังตัวละครต่างๆ ซึ่งเสริมให้การเดินทางของ Hornet มีความหมายมากขึ้นในทุกๆ ก้าว เรียกได้ว่าแม้โลกใน Silksong จะไร้เสียงพูดในแบบที่เราคุ้นเคย แต่กลับเต็มไปด้วย “เสียง” ที่เปล่งออกมาผ่านตัวละครทุกตัวที่เราพบเจอ
เกมนี้จัดอยู่ในแนว เกมแอ็กชัน ความโดดเด่นของมันไม่ได้อยู่ที่แค่การออกแบบแผนที่แบบเปิดที่เชื่อมต่อกัน หากแต่อยู่ที่การหลอมรวมกันของหลายองค์ประกอบที่ลงตัวอย่างยิ่ง ตั้งแต่ระบบการต่อสู้ที่เข้มข้นแม่นยำ การกระโดดไต่ระดับที่ให้ความรู้สึกอิสระ ไปจนถึงการวางกับดักและศัตรูในแต่ละพื้นที่อย่างพิถีพิถัน แนวทางของเกมยังให้อิสระแก่ผู้เล่นในการสำรวจ ค้นหา และเข้าใจโลกในแบบของตนเองโดยไม่มีการชี้นำอย่างโจ่งแจ้ง นั่นทำให้ทุกการค้นพบ ทุกความล้มเหลว และทุกการกลับมา ล้วนมีความหมายในตัวของมันเอง อีกหนึ่งจุดแข็งคือความยากที่ท้าทายแต่ยุติธรรม Silksong ไม่ได้ใจดีต่อผู้เล่น แต่ก็ไม่เคยรู้สึกว่าเอาเปรียบ ผู้เล่นต้องอาศัยทักษะ ความอดทน และการเรียนรู้จากความผิดพลาดเพื่อก้าวข้ามอุปสรรคไปให้ได้ ระบบการอัปเกรดตัวละคร การเลือกใช้ “ตรา” เพื่อปรับแต่งสกิลต่างๆ ก็ยังคงเป็นกลไกสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นปรับแนวทางการเล่นตามสไตล์ของตน ซึ่งในภาคใหม่นี้จะมีความลึกซึ้งและหลากหลายยิ่งขึ้น ทั้งยังมีเควสต์ย่อยจำนวนมากที่เชื่อมโยงกับตัวละครและภูมิประเทศที่แตกต่างกันออกไป เพิ่มมิติให้กับโลกที่ในตอนแรกอาจดูว่างเปล่า แต่ยิ่งเล่นกลับยิ่งลึกและเต็มไปด้วยรายละเอียด โดยรวมแล้ว Hollow Knight: Silksong ยังคงยึดแนวทางของเกมต้นฉบับไว้มั่น แต่ในขณะเดียวกันก็กล้าที่จะทดลองและขยายขอบเขตของแนว Metroidvania ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ทั้งในด้านกลไกการเล่น การนำเสนอ และการเล่าเรื่องผ่านการสำรวจ โลกของเกมเต็มไปด้วยความสวยงามที่ซ่อนความโหดร้ายอย่างมีศิลปะ สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของทีมพัฒนาและความเข้าใจในสิ่งที่ทำให้ Hollow Knight มีเอกลักษณ์เหนือใคร ดังนั้น Silksong ไม่ใช่เพียงแค่เกมภาคต่อ แต่มันคือการเดินทางครั้งใหม่ที่ท้าทายทุกความคาดหวังของผู้เล่น และพร้อมจะกลายเป็นหนึ่งในผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแนวเกมนี้อย่างไร้ข้อกังขา